
เหล็กแผ่นเคลือบซิงค์เป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานผลิตเครื่องจักร หรืองานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความแข็งแรง ทนทาน และต้านทานการกัดกร่อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ท่านรู้หรือไม่ว่าเหล็กแผ่นเคลือบที่มีคุณภาพต่ำนั้นอาจส่งผลเสียต่อการใช้งานและการนำไปใช้ในการผลิต ยกตัวอย่างเช่น เหล็กแผ่นเคลือบที่มีความหนาไม่ได้มาตรฐานตามที่ระบุไว้ข้อมูลจำเฉพาะ หรือเหล็กแผ่นเคลือบที่มีคุณสมบัติทางเคมีไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้สินค้าผลิตออกมาไม่ได้มาตราฐานตามมาด้วย ผู้ผลิตอาจจะเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าเพื่อได้ส่งมอบสินค้าคุณภาพต่ำให้กับลูกค้า หรืออาจจะต้องผลิตใหม่ เสียทั้งเงินและชื่อเสียง
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ควรตรวจสอบมาตรฐานต่างๆ จากผู้ผลิตและผู้จำหน่าย และพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพสูง คุ้มค่ากับการลงทุนจัดซื้อ ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงมาตรฐานต่างๆ ที่สำคัญของเหล็กแผ่นเคลือบ เพื่อให้ท่านมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
เมื่อพูดถึงมาตรฐานสินค้าในบ้านเรา ต้องยกให้ “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อว่า “มอก.” เป็นตัวย่อมาตรฐานที่คนไทยเราคุ้นเคย ไม่ว่าจะซื้ออะไร เราจะถูกปลูกฝังว่าให้ซื้อสินค้าที่มี มอก.แล้ว มอก. คืออะไรนะหรือ? มอก. เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตในประเทศไทย รวมถึงเหล็กแผ่นเคลือบด้วย การได้รับมาตรฐาน มอก. จึงเป็นการยืนยันว่าสินค้านั้นๆ มีคุณภาพตามที่กำหนดไว้และเชื่อถือได้ สำหรับเหล็กแผ่นเคลือบ มีมาตรฐาน มอก. ที่เกี่ยวข้องหลายฉบับด้วยกัน ได้แก่
มาตรฐานแรกที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ มอก. 50-2561 หรือ 50-2565 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน มาตรฐานนี้จะกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ของเหล็กแผ่นเคลือบ เช่น
- ปริมาณสังกะสีเคลือบ
- ความหนาของแผ่นเหล็ก
- คุณสมบัติทางกลของเหล็ก เช่น ความแข็งแรง ความเหนียว เป็นต้น
ต่อมาคือมาตรฐาน มอก. 2223-2558 หรือ 2223-2565 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า มาตรฐานนี้จะกำหนดคุณลักษณะและคุณสมบัติต่างๆ เช่น
- ชนิดและขนาดของแผ่นเหล็ก
- น้ำหนักของแผ่นเหล็ก
- ความหนาของสังกะสีเคลือบ
- คุณสมบัติทางกลของเหล็ก
- นอกจากนี้ยังมีการระบุวิธีการทดสอบมาตรฐาน
- ข้อกำหนดด้านการทำเครื่องหมายและฉลากบนผลิตภัณฑ์ด้วย
และมาตราฐานสุดท้ายคือ มาตรฐาน มอก. 2131-2559 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสีด้วย มาตรฐานนี้จะกำหนดเรื่องความหนาของสี ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้สินค้าที่สวยงามและทนทานต่อการใช้งานกลางแจ้ง
ดังนั้น เมื่อท่านเลือกซื้อเหล็กแผ่นเคลือบที่มีมาตรฐาน มอก. ท่านจะมั่นใจได้ว่ากำลังได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดี ผ่านการรับรองตามมาตรฐานของประเทศไทย จะได้สินค้าคุณภาพดีแล้ว ยังมีความมั่นใจข้อมูลจำเพาะของสินค้าที่จากโรงงานผู้ผลิตเหล็กเคลือบสังกะสีได้ระบุเอาไว้
นอกจากมาตรฐานในประเทศไทยแล้ว เหล็กแผ่นเคลือบยังมีมาตรฐานระดับสากลที่เป็นที่ยอมรับในวงการอุตสาหกรรมทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้มักจะถูกนำมาใช้อ้างอิงสำหรับการค้าระหว่างประเทศ หรือสำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการความมั่นใจในคุณภาพสูงสุด หนึ่งในมาตรฐานที่สำคัญที่สุดคือ มาตรฐาน ISO ซึ่งประกอบไปด้วย
- ISO 9001 มาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ที่ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ
- ISO 14001 มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมีมาตรฐาน ASTM ย่อมาจาก American Society for Testing and Materials ซึ่งเป็นสมาคมวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีหน้าที่กำหนดและจัดทำมาตรฐานต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้ทั่วโลก โดยมาตรฐาน ASTM ที่สำคัญสำหรับแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีได้แก่
- ASTM A653/A653M สำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน
- ASTM A879/A879M สำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า
- ASTM A792/A792M สำหรับเหล็กแผ่นเคลือบอลูมิเนียม-สังกะสีแบบจุ่มร้อน
มาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standards) คือ มาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดคุณสมบัติ ข้อกำหนด วิธีการทดสอบ และการจำแนกประเภทของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและโลหะด้วย โดยมาตรฐาน JIS จะมีมาตรฐานสำหรับเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีหลากหลายประเภท ได้แก่
- JIS G3302 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน
- JIS G3312 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนและเคลือบสี
- JIS G3313 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า
- JIS G3321 เหล็กแผ่นเคลือบอลูมิเนียม-สังกะสี 55% แบบจุ่มร้อน
- JIS G3322 เหล็กแผ่นเคลือบอลูมิเนียม-สังกะสี 55% แบบจุ่มร้อนและเคลือบสี
- JIS G3323 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี-อลูมิเนียม-แมกนีเซียมแบบจุ่มร้อน
การเลือกใช้มาตรฐานระดับสากลเหล่านี้ จะทำให้ท่านมั่นใจได้ว่ากำลังได้รับสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลก สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะนำไปใช้ในประเทศใดก็ตาม
มอก. คือข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งมอก. นี้มีความสำคัญและประโยชน์ต่อหลายฝ่ายด้วยกัน ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานเดียวกัน
2. ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เนื่องจากลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน
3. เพิ่มโอกาสการขายทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
1. ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
2. หาซื้ออะไหล่หรือซ่อมแซมสินค้าได้ง่าย เนื่องจากมีมาตรฐานเดียวกัน
3. ได้ใช้สินค้าคุณภาพดีในราคาที่เป็นธรรม
1. ป้องกันการขายสินค้าคุณภาพต่ำในประเทศ
2. เพิ่มโอกาสการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
3. สร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค
4. ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่เราได้รู้จักมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กแผ่นเคลือบทั้งในประเทศและระดับสากลแล้ว คงจะมีคำถามว่า “ทำไมต้องซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานรับรองด้วย?” จริงๆ แล้วมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้การเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานรองรับนั้นเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง มาดูกันเลยว่าสำคัญอย่างไร
เมื่อซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ท่านจะได้รับการรับประกันว่าสินค้านั้นมีคุณภาพและคุณสมบัติตรงตามที่มาตรฐานกำหนด ไม่ว่าจะเป็นความหนา น้ำหนักจำเพาะ ความแข็งแรง หรือคุณสมบัติด้านอื่นๆ
ผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานจะต้องมีระบบการผลิตและการควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าได้อย่างสม่ำเสมอตามข้อกำหนด ช่วยลดความเสี่ยงจากการได้รับสินค้าที่มีคุณภาพแปรปรวน
เมื่อซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ท่านจะสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า และสามารถติดตามย้อนกลับไปยังกระบวนการผลิตได้หากมีปัญหาเกิดขึ้น
การซื้อสินค้าจากผู้ผลิตที่ไม่ได้รับมาตรฐานนั้นเสี่ยงต่อการได้รับสินค้าที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานและความปลอดภัยได้ แต่เมื่อซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน ท่านจะได้รับความคุ้มครองจากปัญหาดังกล่าว
ไม่ว่าท่านจะเลือกซื้อเหล็กแผ่นเคลือบซิงค์สำหรับงานประเภทใด การเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานรับรองจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ท่านได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดี คุ้มค่ากับการลงทุน และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
มาตรฐานอื่นๆ ที่ควรใช้ประกอบการพิจารณา เช่น
ISO/IEC 17025 มาตรฐานสากลสำหรับห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ เพื่อให้มั่นใจในผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบที่น่าเชื่อถือ และยอมรับสากล
ISO 45001 มาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อมั่นใจว่าองค์กรมีความตระหนักด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานในสถานประกอบการ
หลังจากที่ได้รู้จักมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กแผ่นเคลือบ ทั้งในประเทศและระดับสากล รวมถึงเหตุผลสำคัญที่ทำให้การเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานรับรองนั้นเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง เราคงต้องสรุปกันว่า ในโลกของการก่อสร้างและอุตสาหกรรมการผลิต เหล็กแผ่นเคลือบถือเป็นวัสดุที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติโดดเด่นด้านความแข็งแรง ทนทาน และต้านทานการกัดกร่อนได้ดี แต่หากเลือกใช้เหล็กแผ่นเคลือบคุณภาพต่ำ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานและการผลิตได้
ดังนั้น การเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานรับรองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้มั่นใจว่ากำลังได้รับสินค้าคุณภาพดี ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับประเทศและสากล มีระบบการผลิตและควบคุมคุณภาพที่ดี สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ และสำคัญที่สุดคือได้รับความคุ้มครองจากการซื้อสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ในทางกลับกัน การซื้อจากผู้ผลิตที่ไม่ได้รับมาตรฐานนั้นก็เปิดช่องให้ความเสี่ยงด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนโดยเปล่าประโยชน์ได้